วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์

แหล่งโบราณสถานที่สำคัญในจังหวัดสุรินทร์
ปราสาทศีขรภูมิ
ตั้งอยู่ที่บ้านปราสาท  ต.ระแงง  อ.ศีขรภูมิ  จ.สุรินทร์
ลักษณะตัวปราสาทตั้งอยู่บนเนินดิน  ประกอบด้วยปราสาทอิฐจำนวน 5 หลัง  ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน  มีคูน้ำรูปตัวยู  หันไปทางด้านทิศตะวันออกซึ่งเป็นทางเข้า  มีบันได้ขึ้นลงทำด้วยฐานศิลาแลง  ปราสาทประธานตั้งอยู่ตรงกลาง  มีปราสาทขนาดเล็กอยู่ประจำทั้ง 4 มุม  ปราสาททุกหลังมีประตูเข้าอยู่ทางทิศตะวันออก  ลักษณะการก่อสร้างและรูปแบบสถาปัตยกรรมเหมือนกันทุกหลัง คือ ไม่มีมุขด้านหน้า  ทับหลังและเสาประดับกรอบประตูเป็นหินทราย  หน้าบันเป็นอิฐประดับลวดลายปูนปั้น  ทับหลังของปรางค์ประธานตรงกลาง จำหลักเป็นรูปศิวนาฏราชยืนอยู่บนแท่น มีหงส์แบก 3 ตัว  สองข้างประตูทางเข้าสลักเป็นรูปนางอัปสรยืนถือดอกบัว  ส่วนปราสาทบริวารนั้นพบทับหลัง 2 แผ่น  เป็นเรื่องกฤษณาวตาร  แผ่นหนึ่งเป็นภาพพระกฤษณะประลองกำลังกับช้างและคชสีห์  อีกชิ้นหนึ่งเป็นภาพพระกฤษณะประลองกำลังกับคชสีห์  ซึ่งทับหลังที่พบ ณ ปราสาทแห่งนี้มีลักษณะสมบูรณ์มากและเป็นประติมากรรมที่มีค่ายิ่งของ จ.สุรินทร์  รอบ ๆ บริเวณมีสระน้ำ 3 สระ  ลวดลายบนทับหลังและเสาประดับ มีลักษณะใกล้เคียงกับศิลปะขอมแบบบาปวนและแบบนครวัด  อายุราวพุทธศตวรรษที่ 17  จึงสันนิษฐานว่าปราสาทหลังนี้คงสร้างขึ้นในสมัยดังกล่าว  และเดิมคงสร้างเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย  ต่อมาได้ถูกดัดแปลงให้เป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 22-23) เนื่องจากพบศิลาจารึกอักษรธรรมอีสาน ภาษาไทย-บาลี  ที่ผนังประตูปราสาทบริวารหลังตะวันตก  เล่าถึงการบูรณะปราสาทแห่งนี้  (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, 2544 :หน้า52-53)
Imageปราสาทยายเหงา
เป็นศาสนสถานแบบขอมที่ประกอบด้วยปรางค์ 2 องค์ ตั้งอยู่เรียงกันในแนวทิศเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก องค์ปรางค์ก่อด้วยอิฐ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลง มีการแกะสลักอิฐเป็นลวดลายเช่นที่กรอบหน้าบัน เป็นรูปมกร (สัตว์ผสมระหว่างสิงห์ ช้าง และปลา) คาบนาคห้าเศียรจากลักษณะแผนผังของอาคารน่าจะประกอบด้วยปราสาท 3 องค์ตั้งเรียงกัน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 2 องค์ บริเวณปราสาทพบกลีบขนุนยอดปรางค์ เสาประดับกรอบประตู แกะสลักจากหินทราย จัดแสดงไว้ด้านหน้าปราสาท
ข้อมูลเพื่อการเดินทางไปปราสาทยายเหงา
ตั้งอยู่ที่บ้านสังขะ ตำบลสังขะ ห่างจากที่ว่าการอำเภอสังขะไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมถนนสายโชคชัย-เดชอุดม (ทางหลวงหมายเลข 24) ระหว่าง กม. 189-190 แยกไปตามทางลูกรังอีก 800 เมตร

ปราสาทหินบ้านพวง ผู้เชี่ยว ชาญทางด้านประวัติศาสตร์กัมพูชา ต่างเชื่อว่าถูกสร้างขึ้นระหว่างปลายยุคเมืองพระนคร ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ ท่ามการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก และในอีก ๑๐๐-๒๐๐ ปีต่อมา ก็เข้าสู่ยุคการค้นพบครั้งมโหฬาร เมื่อ ดา กามา โคลัมบัส ก็ค้นพบชวา และอเมริกาฯลฯ ยุคนี้นับเป็นยุคที่ยุโรปนิยมโลกตะวันออก

ลักษณะทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
ปราสาทบ้านพลวง มีลักษณะของศิลปะร่วมแบบบาปวน และแบบนครวัด ครึ่งแรกของพุทธศตวรรษที่ ๑๗ เริ่มตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ สถาปนาราชวงศ์มหิธรปุระ ยังพบว่ามีปราสาทลักษณะคล้ายกันหลายแห่งในประเทศไทย เช่น
ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
ปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ
ปราสาทสดกก็อกธม อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว
ปราสาทพนมวัน และปราสาทหินพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ปราสาทกู่สวนแตง
ปราสาทตาเมือนธม กิ่งอำเภอพนมดงรัก และปราสาทศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ฯลฯ

ลักษณะของปราสาทหินองค์นี้เป็นปรางค์องค์เดียว ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีประตูทางเข้าด้านหน้าเพียงด้านเดียวส่วนด้านอื่นอีกสามด้านทำเป็นประตูหลอก

องค์ปรางค์ก่อด้วยศิลาแลง และหินทรายสีชมพู ศาสนสถานแห่งนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม มีภาพจำหลักที่ละเอียดอ่อนด้วยฝีมือช่างศิลป์ที่ประณีตงดงาม แต่องค์ปรางค์เหลือเพียงครึ่งเดียว ส่วนยอดหักหายไป รอบบริเวณมีบาราย (สระน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น)

สันนิษฐานได้ว่า
-ปราสาทแห่งนี้น่าจะเป็นการ สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่องค์พระอินทร์
-จากลักษณะของฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทางด้านข้างขององค์ปรางค์เหลืออยู่มาก สันนิษฐานว่า แผนผังที่แท้จริงของปราสาทแห่งนี้น่าจะประกอบด้วยปรางค์สามองค์สร้างเรียงกัน แต่อาจยังสร้างไม่เสร็จหรืออาจถูกรื้อออกไปอย่างใดอย่างหนึ่งก็เป็นได้

สินค้าในชุมชนที่น่าสนใจ

รายละเอียดผลิตภัณฑ์ กระเป๋าพวงกุญแจ(OTOP)
สถานที่จำหน่าย กลุ่มอาชีพสตรีและเยาวชนบ้านตาปุด 35 หมู่ 7 ตำบลปราสาททอง
กิ่งอำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัสุรินทร์ 32000
ติดต่อ : นางรัตนา พันธ์ศรี
โทร : 044-582139, 01-9675026
ราคา  30-100 บาท
 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รายละเอียดผลิตภัณฑ์ ตัดเย็บจากผ้าไหมเป็นกระเป๋า (OTOP)
ขนาด (Size : cm)
กว้าง 2 นิ้ว ยาว 3.5 นิ้ว สูง 5 นิ้ว
ราคาขายส่ง 40 บาท
ราคาขายปลีก 59 บาท
วัตถุดิบที่ใช้
ผ้าไหมทอสำเร็จ
สถานที่จำหน่าย
กลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านประดู่ทอง
ที่ทำการ อบต.ลำดวน หมู่ 5 ต.ลำดวน อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ 32220
ติดต่อ : นางรุ่งทิพย์ เทียนทอง
 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม  ได้แก่  ผ้าไหมมัดหมี่  เป็นผ้าไหมซึ่งโดยทั่วไปเป็นการจินตนาการของผู้ทอและจากภาพต่างๆ นำมาจินตนาการและมัดย้อมเป็นลายมัดหมี่ต่างๆ ซึ่งมีสีตั้งแต่ 2 สีขึ้นไป มีทั้งย้อมสีธรรมชาติและสีเคมี ใช้เป็นผ้านุ่งสำหรับสตรีใช้ในงานมงคลต่างๆ และในปัจจุบันใช้สำหรับตัดชุดบุรุษและสตรีรวมทั้งเป็นของฝาก
การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม เช่น กระเป๋าสตรี  กระเป๋าโน๊ตบุ๊ค  ซองโทรศัพท์ ฯลฯซึ่งเป็นการวัสดุที่เหลือใช้จากการตัดเย็บเสื้อผ้าหรือเหลือการทำประโยชน์อย่างอื่นก็สามารถนำมาแปรรูปผลิตภัณฑ์ นำมาเป็นของใช้และของฝากในโอกาสต่าง ๆบ้านสวาย หมู่ที่ 7 ตำบลแตล ได้อพยพมาจากบ้านแตล โดยการนำของ นายขุนแก้ว เป็นครอบครัวแรก และมีครอบครัวที่อพยพติดตามมาหลายครัวเรือน เพื่อแสวงหาพื้นที่ที่เหมาะสมด้านการเพาะปลูก ซึ่งบริเวณนี้มีหนองน้ำ และมีต้นสวายใหญ่ จึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านตามสภาพพื้นที่ ว่าบ้านสวายโดยมี ผู้ใหญ่บ้านคนแรก คือ นายขุนแก้ว ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีนามสกุลใช้กัน ปัจจุบัน มี นายสมนึก  ศรีแก้ว  ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน
ราคา  800-1500 บาท

เรื่องเล่าประทับใจจังหวัดสุรินทร์

เอาเรื่องเบาๆ มาเล่าสู่กัน๑๓ มีนาคม วันช้างไทย
พูดถึงช้าง ต้องนึกถึงจังหวัดสุรินทร์ ปีนี้ชมรมเสือภูเขาจังหวัดสุรินทร์ จัดกิจกรรมขี่เสือไปดูช้างที่หมู่บ้านช้าง เป็นอย่างไร เชิญทัศนาด้วยภาพครับ
จุดปล่อยตัว หน้า อบจ.สุรินทร์
นักปั่นของเรา
เส้นทางสุรินทร์-หมู่บ้านช้าง ประมาณ ๗๐ กม.
เสือน้อยของผม
ชมรมนักปั่นจอมพระมาให้การต้อนรับ

แวะชมปราสาทจอมพระ เป็นอโรคยาศาลที่น่าชมอีกแห่งหนึ่ง

มีไม้ใหญ่ปกคลุมเหมือนปราสาทตาพรหม


นักปั่นชาวอเมริกันมาร่วมแจม

รุ่นเยาว์ก็มา

เหนื่อยนัก พักเอาแรง

ก๊วนหน้าหรือท้าย ลองทายเอาเอง

ยังมีแรงโบกมืออยู่ มาได้ ๕๐ กม.แล้ว
...

ข้าน้อยเอง















หน้าคุ้นๆ ใครหว่า

ก้นช้างครับ

เลี้ยงอาหารช้าง อากาศร้อนมากๆ

พวกเสือทั้งใหม่และเก่า รวมทั้งแมวที่อยากเป็นเสือ (ผมเอง)

ชมการแสดงของช้าง

ช้างวาดรูป

ผลงานชิ้นละ ๕๐๐ บาท อีก ๒๐ ปีมีค่าเป็นแสน

ช้างกำลังจะนวดคน

พักกินข้าวเอาแรงก่อนกลับ

โครงการสร้างที่อาศัยให้คนและช้าง ในโครงการช้างคืนถิ่น

เชือกปะกำ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านที่เลี้ยงช้าง

หลบร้อน

เพิ่งตกลูกได้ไม่นาน ๑๔ ก.พ. ที่ผ่านมา

ถ่ายได้ไง ปั่นได้ ๑๐๐ กิโลเมตรพอดี ในช่วงขากลับ โหด มัน ฮา มาก ปั่นออกจากหมู่บ้านช้างราวบ่ายโมง อากาศร้อนนนนน ลมแรงงง เนินอีกต่างหาก โห...

แวะชมหมู่บ้านท่าสว่าง ที่ทอผ้าไหมให้ผู้นำเอเปค

ต้องดูลายด้านล่าง

ไหมทองคำจากฝรั่งเศส ราคากิโลกรัมละ ๖๐,๐๐๐ บาท ต้องอาศัยมืออาชีพปั่นให้
หมด...

วันนี้เดินทางด้วยจักรยานระยะทางเท่านี้

งานเลี้ยงตอนเย็น

สนุกสนาน โหด มัน ฮา ตามประสานักปั่นครับ.

พบกันใหม่ทริปหน้า จบข่าว.

ประเพณีกวนข้าวทิพย์ หรือข้าวมธุปายาธ

ความสำคัญ
ตามประวัติสมัยพุทธกาล เชื่อว่านางสุชาดา ได้นำข้าวทิพย์ หรือข้าวมธุปายาธถวายพระพุทธเจ้า ก่อนที่พระองค์จะได้ตรัสรู้ในวันเพ็ญเดือนสิบสอง ดังนั้นชาวพุทธจึงถือว่าข้าวทิพย์ หรือข้าวมธุปายาธเป็นอาหารทิพย์ และได้ทำถวายแด่พระสงฆ์ในฤดูก่อนเดือนสิบสอง


พิธีกรรม
เนื่องจากวัสดุที่สำคัญในการทำข้าวทิพย์ คือน้ำข้าวจากต้นข้าวที่กำลังเป็นน้ำนม ใน ประเทศไทยเชื่อกันว่ามีหลายจังหวัดที่ทำสืบเนื่องกันมาเป็นเวลานานถึงปัจจุบัน แต่สำหรับจังหวัดชัยนาทมีทำกันตลอดที่ตำบลเสือโฮก อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ทำกันแทบทุกหมู่บ้าน แต่ปัจจุบันทำกันตลอดมาทุกปีจนถือเป็นประเพณีที่หมู่บ้านหนองพังนาค

ประเพณีแห่ธงตะขาบ


ความสำคัญ
การถวายธงตะขาบเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ เป็นประเพณีของชาวรามัญที่ตั้งรกรากอยู่ใกล้วัดพิมพาวาส ในเขตอำเภอบางปะกง เชื่อกันว่าธงที่แขวนส่ายเพราะแรงลมเป็นการบอกรับบุญกุศลของบรรพบุรุษ และช่วยให้ผู้ล่วงลับได้ขึ้นสวรรค์


พิธีกรรม
ธงตะขาบแต่เดิมเป็นธงกระดาษ ต่อมาเปลี่ยนเป็นผ้า ปัจจุบันใช้เชือกเป็นเส้นขอบผูกขวางคั้นด้วยซี่ไม้ไผ่เป็นช่วง ๆ ใช้เสื่อผืนยาวปิดทับแทนผ้าหรือกระดาษเป็นลำตัว ปลายไม้ที่ยื่นสองข้างทุกซี่ประดับด้วยช้อนผูกห้อยแทนขา สลับกับพู่กระดาษเพื่อความสวยงาม หัวและหางสานผูกด้วยโครงไม้ปิดกระดาษสี จะทำกี่ตัวแล้วแต่กำลัง จากนั้นจะทำการแห่ไปที่วัด เมื่อถึงก็จะขึงธงไว้กับต้นเสาในศาลา จากนั้นพระจะนำสายสิญจน์มาวงรอบธง แล้วจึงทำพิธีถวายธงตามด้วยการสรงน้ำพระ เสร็จแล้วจึงนำธงไปชักขึ้นแขวนบนเสาหงส์

ขึ้นธาตุเดือนเก้า

ความสำคัญ
เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


พิธีกรรม
วันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ คณะศรัทธาวัดต่างจัดริ้วขบวนต่างๆประกอบด้วยผ้าสบง ต้นเงิน จีวร ธงและบั้งไฟประจำคณะแห่ไปยังวัดพระบรมธาตุ ตำบลกาะตะเภา อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก เมื่อเดินทางถึงวัดจะมีพิธีถวายผ้าสบง จีวร ต้นเงิน และเริ่มพิธีบวงสรวงเทพยดา เข้าทรงเจ้าต่างๆ มีการร้องรำทำเพลง ภาคค่ำมีมหรสพสมโภช
วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ มีการทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ จากนั้นเริ่มประกวดการจุดบั้งไฟ

เพลงของดีเมืองสุรินทร์